บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

เทวดามีจริงหรือ?


เทวดามีจริงหรือ?

ในเว็บไซต์พุทธทาสด็อทคอม มีบทความชื่อ “เทวดามีจริงหรือ?” ของท่านพุทธทาส เนื้อหาพร้อมคำวิจารณ์มีดังนี้  

แหล่งอ้างอิงในเว็บไซต์เขียนไว้ ดังนี้ (ตุลา-๑ ๑๖/๕๙๐-๕๙๓  คัดจาก หนังสือ ธรรมานุกรมธรรมโฆษณ์ ฉบับประมวลธรรม เล่ม ๒ เรียบเรียงโดย นาย พินิจ รักทองหล่อ พิมพ์ ครั้งแรก พ.ศ. ๒๕๔๐ โดย ธรรมทานมูลนิธิ)

ปัญหามีอยู่ว่า: ตามบาลีมีอยู่ว่า

เทวดาที่ปรารถนาสุคติ ปรารถนามาเกิดในโลกมนุษย์นั้น ย่อมเป็นการรับรองว่า เทวดามีตัวจริง และ สวรรค์ก็มีตัวจริง.

ถ้าเชื่อว่ามีจริงเช่นนี้ จะไม่เป็นเรื่องเหลวไหล ตามคติในยุคปัจจุบันไปหรือ?

ปัญหานี้ ผู้ถามได้ยึดเอาหลักที่อาตมาได้บรรยายไปในวันก่อนๆ ถึงตอนที่กล่าวว่า เทวดาที่ปรารถนาสุคติ หาที่อื่นไม่ได้ ไม่พบ ต้องมาหาในมนุษยโลก ซึ่งมีพระรัตนตรัย;

เลยยึดเอาว่า ถ้าอย่างนั้น บาลีก็ยืนยันว่า ตัวเทวดามีจริง สวรรค์มีจริง?

ข้อความนี้อยู่ในส่วนนำหรือบทนำของหนังสือ ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นการเขียนตามหลักการของการเขียนที่ดี

การเกริ่นนำนั้น  ก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ท่านพุทธทาสไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์  ขอให้ดูข้อความสีแดงที่ผมเน้นไว้ 

คนที่เอามาถาม จนกระทั่งท่านพุทธทาสต้องออกมาตอบนั้น  ก็เอาคำเทศน์ของท่านพุทธทาสเข้ามาย้อนถาม

ขอย้ำตรงนี้ว่า คำถามเป็นอย่างนี้  

“เทวดาที่ปรารถนาสุคติ ปรารถนามาเกิดในโลกมนุษย์นั้น ย่อมเป็นการรับรองว่า เทวดามีตัวจริง และ สวรรค์ก็มีตัวจริง”

คือ มีเทวดาที่ต้องการมาเกิดในโลกมนุษย์ ดังนั้น  เรื่องสวรรค์กับเทวดาก็ต้องเป็นเรื่องจริง

ต่อไปเรามาดูคำตอบของท่านพุทธทาสกัน

อาตมาอยากจะขอตอบว่า ในบาลี มีกล่าวเช่นนั้นจริง และมีในรูปพระพุทธภาษิตจริง;

แต่ความหมายนั้น หมายถึง เทวดาเป็นตัวบุคคลาธิษฐาน เช่นนั้นจริงหรือไม่ เป็นอีกปัญหาหนึ่ง.

ถ้าเขียนอย่างนี้ ผมฟันธงเลยว่า ท่านพุทธทาสไม่เชื่อว่าสวรรค์มีจริง  แต่ท่านพุทธทาสก็ยอมรับว่า ในพระไตรปิฎกมีเขียนไว้จริง

ขั้นตอนต่อไป ท่านพุทธทาสก็ต้องหาทางตีความว่า “สวรรค์” นั้นเป็นอย่างไร ในความคิดเห็นของท่าน แต่ไม่ใช่สวรรค์ 6 ชั้นในพระไตรปิฎกแน่นอน

เรื่องเทวดานี้ ก็อยู่ในหลักเกณฑ์เดียวกันที่ว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ว่า ถ้าไม่ "มองเห็น" ได้ด้วยตนเองแล้ว

อย่าไปเชื่อตามดีกว่า เพราะฉะนั้น ส่วนที่พูดถึงตัวเทวดา หรือ สวรรค์นั้น ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ.

ขอให้ท่านผู้อ่านสังเกตการณ์แก้ตัวของท่านพุทธทาสให้ดี  ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ท่านพุทธทาสเท่านั้น พวกพระหรือนักวิชาการที่ไม่เชื่อว่า นรก-สวรรค์มีจริงก็มักจะแก้ตัวออกมาในทำนองนี้

คือ ตนเองไม่เชื่อเรื่องนรก-สวรรค์ พอเทศน์หรือเขียนออกไปแล้ว  คนฟังถามกลับมาว่า “ในพระไตรปิฎกมีเรื่องนรก-สวรรค์ ท่านเทศน์อย่างนั้น มันขัดกับพระไตรปิฎก” 

พวกที่ไม่เชื่อนรก-สวรรค์ก็จะตอบมาในทำนองนี้ คือ “ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ” ในทางศาสนาพุทธ

การตอบแบบนี้ ไม่ได้เป็นการตอบที่ถูกต้อง เป็นการตอบแบบ “ไปไหนมา สามวาสองศอก”  เป็นคำตอบที่ใช้ไม่ได้

ประเด็นสำคัญ มันอยู่ที่ว่า คนที่มัวเมาอยู่ด้วยกามคุณอย่างเทวดา และ จะเป็นเทวดาอยู่ที่ไหนก็ตาม ผู้ที่มัวเมาอยู่แล้ว

ยากที่จะมีจิตใจที่โปร่งหรือแจ่มใสเพียงพอ ที่จะเข้าใจเรื่องดับทุกข์ หรือ เรื่องนิพพาน

เพราะฉะนั้น เทวดาเมื่อสำนึกถึงความที่ตนมัวเมาอยู่ในกามคุณ หรือในสวรรค์ได้ ก็เกิดความสลดสังเวชตัวเอง ว่าที่นี่ ไม่ใช่ที่เอาตัวรอดเสียแล้ว;

ควรจะเป็นในที่ที่ไม่มัวเมา ในกามคุณมากถึงเช่นนั้น; ควรจะเป็นที่ที่จะหาเรื่องราวของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเรื่องดับทุกข์นั้นได้โดยง่าย.

เพราะฉะนั้น โลกที่ดีที่น่าเกิด ก็ควรจะเป็นมนุษยโลก แทนที่จะเป็นเทวโลก.

เพราะฉะนั้น ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ควรจะอยู่ในที่ที่หาพบพระรัตนตรัยได้ง่าย หรือ ทำการดับทุกข์ได้ง่าย;

เลิกพูดถึงมนุษยโลกหรือเทวโลก ซึ่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญ.

ข้อความข้างบนนั้น  ผมหมดศรัทธากับพุทธทาสไปอีกครั้งหนึ่ง  หลังจากหมดศรัทธามาแล้วหลายครั้ง

เพราะเป็นคำตอบที่งี่เง่าสุดๆ

คำตอบดังกล่าว แสดว่า ท่านพุทธทาสแก้ตัวไม่หลุด ดันทะลึ่งมายืนยันเสียเองอีกครั้งว่า เทวดามีจริงๆ  และที่ต้องการมาเกิดนั้น เพราะ บนสวรรค์นิพพานไม่ได้  จึงต้องมาเกิด

แล้วก็มาย้ำอีกว่า “เลิกพูดถึงมนุษยโลกหรือเทวโลก ซึ่งไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

บอกตรงๆ การเขียนอย่างนี้  หมดภูมิ  หมดศักดิ์ศรี  เป็นคำตอบที่กระจอกจริงๆ

ผมขอยืนยันว่า เรื่องสวรรค์ เทวดา รวมถึงเรื่องนรกนั้น เป็นเรื่องสำคัญในศาสนาพุทธ เป็นประเด็นสำคัญยิ่ง

ก่อนที่เราทุกคนทุกท่านจะไปนิพพานกันนั้น  เราต้องเวียนตายเวียนเกิดอยู่ในสวรรค์ รูปพรหม อรูปพรหมและอบายภูมิทั้งหลายกันอย่างยาวนาน  ยาวนานจนไม่ต้องไปนับว่า เป็นเวลาเท่าไหร่

แล้วใครก็ตามที่ไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์  พวกนั้น เขาก็ต้องไม่เชื่อเรื่องนิพพานไปด้วย 

นี่จึงเป็นประเด็นสำคัญมาก

ทีนี้ อาตมา อยากจะชี้แจงต่อ ถึงข้อที่ว่า ทำไม คำว่า เทวดา หรือ คำว่า สวรรค์นี้ มามีอยู่ในพระพุทธภาษิต และอยู่ในพระไตรปิฎก โดยตรง.

ทั้งนี้ ก็เพราะว่า ในประเทศอินเดีย สมัยนั้น มีความเชื่อเรื่องเทวดา เรื่อง นรก เรื่องสวรรค์ นี้อยู่โดยสมบูรณ์แล้ว มีรายละเอียดชัดเจน เหมือนที่กล่าวนี้ ทุกอย่างมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้น

พอพระพุทธเจ้า มีขึ้นในโลก เรื่องเหล่านี้ มันมีอยู่แล้ว จะไปเสียเวลาหักล้าง ก็ไม่ไหว พิสูจน์ให้คนโง่ เห็นไม่ได้

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้า ท่านจึงพลอยตรัส เอออวย ไปตามคำที่พูดๆ กันอยู่ แต่แล้ว ก็ทรงแสดง สิ่งที่ดีกว่า ให้เขาเลิกละ ความสนใจหรือ ติดแน่นในสิ่งนั้นเสีย

ให้เลิกละ ความติดแน่น ในนรก ในสวรรค์ ในเทวโลก พรหมโลก เหล่านั้นเสีย โดยมาเอา สิ่งที่ดีกว่า คือ เรื่องโลกุตตระ หรือ นิพพาน;

ทั้งๆ ที่ไม่ต้อง เสียเวลา พิสูจน์ เรื่องเทวดา เรื่องนรกสวรรค์ ชนิดนั้น ว่ามันมี ข้อเท็จจริง โดยแท้จริงอย่างไร.

ตรงนี้แหละ คือ ความฉิบหายวายป่วงของท่านพุทธทาส  การที่ไปเขียนว่า “พระพุทธเจ้า ท่านจึงพลอยตรัส เอออวย ไปตามคำที่พูดๆ กันอยู่”  ก็แสดงว่า ท่านพุทธทาสเห็นว่า พระพุทธเจ้าทรงโกหก

อย่างนี้เป็นการตู่พระพุทธพจน์

ในพระไตรปิฎกนั้น  ยืนยันว่า พระพุทธเจ้าจะทรงสอนแต่เรื่องจริงทั้งนั้น และเรื่องจริงเหล่านั้น ต้องเป็นประโยชน์ด้วย 

ท่านพุทธทาสต้องการรักษาหน้าของตัวเอง โดยยกความผิดไปให้พระพุทธเจ้า  อย่างนี้ก็ฉิบหายวายป่วงแน่ๆ

ส่วนตอนเรื่อง นรกสวรรค์อะไรนั้น เป็นตอนที่ไม่ใช่ใจความของพุทธศาสนา เขาเชื่อกัน อยู่อย่างนั้นแล้ว เขาทำกัน อยู่อย่างนั้นแล้ว ก่อนพระองค์เกิด

ถ้าไปตู่เรื่องนี้ มาว่าเป็นพุทธศาสนา ก็เรียกว่า ไม่ยุติธรรม พระพุทธเจ้า ท่านไม่ขี้ตู่ อย่างนั้น เรื่องของท่าน จึงมีแต่เรื่อง โลกุตตระ คือ อริยสัจจ์ เป็นพื้น.

เพราะฉะนั้น จึงเห็นได้ว่า เรื่องสวรรค์หรือนรก นี้ ไม่ใช่ประเด็นของพุทธศาสนา แต่มันพลัดมาอยู่ใน คำของ พระพุทธเจ้าได้ เพราะความจำเป็นอย่างนี้;

ฉะนั้น เราไปสนใจกับ ตัวพุทธศาสนา โดยตรงเสีย ปัญหาเรื่องนรกสวรรค์ ก็จะหมดสิ้นไปในตัวเอง หมดความจำเป็นไปในตัวเอง

เพราะ ถ้าขืนเชื่อ งมงายไปตามผู้อื่นว่า มีจริง เป็นจริง อย่างนั้น ก็เป็นการถูกหลอก;

หรือ แม้แต่ เขาจะบังคับกระแสจิตให้เห็นได้ทางปาฏิหาริย์ ก็ยังเป็นการ ถูกหลอกอย่างลึกซึ้งอยู่นั่นเอง.

พุทธบริษัท ไม่ทำอย่างนี้ จึงพิสูจน์เรื่อง ความทุกข์ และ เรื่องความดับทุกข์ โดยตรง เป็นเรื่องของ พุทธศาสนาแท้.

มาถึงขั้นนี้ ผมขอฟันธงเลยว่า  สาวกพุทธทาสที่นับถือกันอย่างแน่นแฟ้น และเชื่อว่า นรก-สวรรค์ไม่มีจริงๆ  ตามท่านพุทธทาส

ไปอบายภูมิทุกคน 

ตอนนี้ พุทธทาสอยู่สวรรค์ชั้นที่ 2  ตอนที่ท่านจะจุติ ผมก็ว่า ท่านคงอยากจะมาเกิดในโลกมนุษย์ใหม่  แต่ผมฟันธงเลยว่า “ไม่มีทาง”

ท่านจะต้อง “เลย” โลกมนุษย์ลงไปในนรกอีกยาวนาน...






3 ความคิดเห็น:

  1. อยากทราบ อมนุษย์ ผี เทวดา ประสบกาณ์จริงในยุคนี้ พ.ศ นี้ แล้วพิมพ์ว่า อมนุษย์ ผี เทวดา มีจริง
    ที่นักวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ (ลองอ่านประสบการณ์ของกระผมดู)☺☺☺

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2561 เวลา 00:00

    ท่านเองศึกษาพระไตรปิฎก สิ่งที่ท่านปฏิบัติได้มา ท่านก็เชื่อ สิ่งไหนท่านปฏิบัติไม่ได้ ท่านไม่เชื่อ ท่านเป็นแบบนั้นหรือ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ7 ตุลาคม 2561 เวลา 00:00

      แต่ถ้าขัดคำสอน ผมก็ไม่ถือว่าท่านรู้จริง

      ลบ